ทำเกษตรผสมผสานตาม​แนว​พระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่เพื่อบรรลุเศรษฐกิจพอเพียง

ก่อนจะมาเป็นสวนนี้แต่เดิมถูกทิ้งไว้หลายปีเพราะเจ้าของที่ดินเดิมย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น เราได้ซื้อที่ดินนี้มาเป็นที่ดอน ป่ารก และต้นซาด เดินเข้าไปมีแต่พงหนามเล็บแมวและเถาวัลย์...ตาบุญเลี่ยมกับยายมะลิ...คนแก่อายุ 60ปี ช่วยกันถางด้วย มีดโต้ จอบ เสียม ไม่จ้างรถแทรกเตอร์เลย ด้วยเหตุผลว่าเสียดายไม้ ถางป่าด้วยความหวัง ถางป่าด้วยความสุข ถางป่าไปร้องเพลงไป พอมีที่ว่างก็ค่อยๆปลูกพืชผักที่กินได้ เข่นแตงโม ข้าวโพด ส่วนต้นไม้ใหญ่รักษาไว้ให้คงสภาพป่าเหมือนเดิม ถางป่าเป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงน้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ มาปฏิบัติจนกลายเป็นสวนเกษตรผสมผสาน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืชสวนครัว ไม้ผล เลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันได้รับการคัดเลือกเป็น"ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรอินทรีย์ เฉลิมพระเกียรติ"หมู่8 ต.งัวบา อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม

Friday, December 25, 2009

ราคาข้าวปี 2009



ปีนี้ขายข้าวได้เกวียนละ 14,000 บาท ถือว่าดี ที่ได้ราคานี้เพราะ พืชผลการเกษตรทั่วโลก เกิดเสียหายจากภัยธรรมชาติ

Thursday, November 26, 2009

เกี่ยวข้าว

ประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี พวกเราจะต้องเกี่ยวข้าวกัน ปัจจุบันการเกี่ยวข้าวต้องจ้างคนมาเกี่ยวเพราะลำพังผู้ทำนาถ้าจะเกี่ยวด้วยตัวเองต้องใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ ค่าจ้างเกี่ยวข้าวทั่วๆไปตกวันละ 250 บาท/คน รวมๆแล้วค่าเกี่ยวข้าว ค่าจ้างมัดข้าว ค่าจ้างขนข้าว ค่าจ้างนวดข้าวจนถึงขนเข้าเก็บในยุ้งฉาง ถ้าทำนา 20 ไร่ตกประมาณ 10,000 กว่าบาท มีปัญหาว่าต่อๆไปในอนาคตอาจต้องจ้างรถเกี่ยวข้าวมาเกี่ยวเพราะขาดแรงงานที่จะมารับจ้าง หนุ่มสาวเข้ามาทำงานในเมืองกันหมด เหลือแต่คนแก่กับเด็กที่อยู่บ้าน เรื่องรถเกี่ยวข้าว ปัจจุบันชาวนาบางส่วนยังไม่นิยมเพราะทำให้ข้าวร่วงหล่นเสียหายมากกว่าคนเกี่ยว แต่จากแนวโน้มค่าจ้างแรงงานเกี่ยวข้าวเมื่อก่อนวันละ 130 บาท/คนกลายเป็น 250 บาทนั้นคิดแล้วใช้รถเกี่ยวมีความคุ้มค่ากว่าแน่นอน

Friday, October 23, 2009

การจัดระบบในสวนเกษตรผสมผสาน

สวนเกษตรผสมผสานควรจัดระบบ ให้เกื้อกูลกันเช่นปลูกไม้ใหญ่ไว้ แล้วปลูกผักหวานบ้านใต้ร่มเงา ปลูกข้าวโพดทำอาหารสัตว์ เมื่อมีมูลสัตว์ก็เอาไปทำปุ๋ยใส่ข้าวโพด ปลูกไม้ดอกให้ผึ้งมาอาศัยหาอาหาร ผึ้งก็ช่วยผสมเกสรไม้ผลในสวนด้วย

Saturday, September 26, 2009

เกษตรพอเพียง

เกษตรพอเพียงสิ่งที่เราพยายามยึดถือมาตลอดคือ ความพอดี เราหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มากเกินไป เลี้ยงหมูเราก็เลี้ยงในจำนวนที่ไม่เกินกำลัง พยายามจัดการให้สวนชองเราใช้ทรัพยากรอย่างเกื้อกูลกันตามแนวเกษตรพอเพียง เช่นมูลสุกร หากเราจัดการไม่ดีจะเป็นปัญหาใหญ่เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เราจัดการทิ้งให้ตากแดดให้แห้ง ช่วงเวลาเย็นจะมีไก่มาคุ้ยเขี่ยช่วยกำจัดหนอน เป็นการคุมปริมาณแมลงวันในตัวเองไก่ก็ได้อาหารดีจากธรรมชาติ การที่ไก่มาคุ้ยเขี่ยเป็นการเร่งให้มูลสุกรแห้งเร็วขึ้น ที่สวนจึงไม่ค่อยมีกลิ่น มูลสุกรนี้ใช้เป็นปุ๋ยพืชได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งตามหลักเกษตรพอเพียงแล้วหากเหลือใช้จากสวนเราแล้วสามารถขายได้ แต่มักมีไม่พอขายเนื่องจากมีความต้องการจากลูกค้าสูงมาก
เราพยายาม ทำให้ครบวงจรเช่น ปลูกข้าวโพด กล้วย หญ้า เพื่อเป็นอาหารสัตว์ เมื่อเกิดมูลสัตว์ก็นำกลับมาทำปุ๋ยคอกเกษตรพอเพียงจึงหมายความถึงความพอเพียงพอดีเกื้อกูลกันตามธรรมชาติ

Thursday, September 24, 2009

จับปลาในสระอย่างไร

เมื่อเราอยากจับปลา วิธีง่ายๆทั่วไปคือ ทอดแห โดยยืนอยู่ขอบสระและเหวี่ยงแห แล้วลงจับปลาหรือดึงจอมแหขึ้นมาจะมีปลาติดมาด้วย แต่ถ้าปลาตัวโตต้องลงงมจึงจะจับได้ วิธีอื่นๆก็มี เช่น ลงตาข่าย ตกด้วยเบ็ด ใช้อวนลาก แต่วิธียอดนิยมคือ ทอดแห

Monday, September 21, 2009

กล้วยไม้ในสวน


เราเห็นกล้วยไม้และเฟิร์นตามที่ต่างๆเรากำลังทำอยู่ เพื่อให้สวนเรามีกล้วยไม้สวยๆบ้างที่เห็นเป็นดอกแคแดงในสวนเราใช้แทนกล้วยไม้ไปก่อนแล้วกัน

วัว สัตว์ที่มีประโยชน์อย่างมากต่อสวนของเรา

วัวมีประโยชน์ทุกส่วน ที่สวนเราได้ใช้มูลวัวเป็นปุ๋ยคอกอย่างดี อย่าลืมพ่นจุลินทรีย์บนกองปุ๋ยตอนเย็น จะดีมาก

Wednesday, September 16, 2009

ประวัติสวนเกษตรบุญเลี่ยม-มะลิ สวนเกษตรแห่งความภาคภูมิใจ (4)

ฟาร์มหมู ฟาร์มในฝันของคุณพ่อบุญเลี่ยม เราเริ่มติดต่อ ธกส.เพื่อหาทุนทำฟาร์มหมูขนาดเล็ก หาแม่พันธุ์แท้มาเลี้ยง เริ่มแรกจ้างพ่อพันธุ์มาผสม ต่อมาหาพ่อพันธุ์มาเลี้ยงเอง ได้ลูกหมูไว้ขาย ถ้ายังขายไม่ได้ก็ขุนเอง ถึงวันนี้พออยู่ได้

ประวัติสวนเกษตรบุญเลี่ยม-มะลิ สวนเกษตรแห่งความภาคภูมิใจ (3)

     นาข้าว คือ ภารกิจที่เราต้องทำปีแรกเราต้องปรับพื้นที่สำหรับทำนาทีนี้ต้องใช้รถแบ็คโคปรับให้พื้นที่ต่ำลงประมาณ 15 ไร่ ปรับเสร็จ ต้องใส่ปุ๋ยคอกโรยให้ทั่วแล้วจึง ไถ ทำนา ปีแรกที่ทำนาข้าวงามมาก เราปล่อยปลาลงในนาข้าว ปลาที่ปล่อยเป็น ปลานิล ปลาตะเพียน ขนาด 1 นิ้ว---3 เดือนผ่านไป เมื่อเกี่ยวข้าวเราได้ปลา สำหรับทำปลาร้า 2 ตุ่มใหญ่ วิธีจับปลาคือขุดบ่อขนาดเล็กไว้บริเวณที่ลุ่มในนา เมื่อน้ำแห้งปลาจะมารวมกันเอง

ประวัติสวนเกษตรบุญเลี่ยม-มะลิ สวนเกษตรแห่งความภาคภูมิใจ (2)

     สวนเราอยู่ติดกับหมู่บ้าน เมื่อถางป่าเสร็จเราจึงเริ่มต่อน้ำประปาหมู่บ้านเข้าสวน ทำหัวก็อกน้ำไว้ 4 จุดไว้ใช้สอยและรดน้ำต้นไม้ในเบื้องต้น เดินสายไฟเข้ามาด้วย ขุดสระน้ำ เมื่อมีน้ำในสระแล้วเตรียมอาหารไว้ให้ปลา โดยนำมูลวัวตากแห้งโรยลงในสระ สังเกตุได้ว่าหลังจากโรยมูลวัวลงสระแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ น้ำจะเปลี่ยนสีจากขาวขุ่นเป็นสีเขียวใส นั่นคือในสระมีแพลงตอนหรือพืชขนาดเล็กซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติชั้นเยี่ยมของปลาจากนั้นจึงปล่อยลูกปลาลงสระ ต่อมาขุดบ่อบาดาล ไว้ 1 บ่อเพื่อใช้น้ำบาดาลรดน้ำต้นไม้ เป็นแหล่งน้ำสำรองเมื่อน้ำในสระมีน้อย หรือหากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล น้ำบาดาลนี่แหละช่วยให้เราทำนาได้ สำหรับปั๊มน้ำบาดาลควรใช้ ปั๊มไฟฟ้า เราเคยซื้อเครื่องเบนซินมาแล้วไม่เหมาะสม เครื่องเบนซินแรงกว่าแต่เหมาะกับระดับน้ำห่างจากเครื่องไม่เกิน 3 เมตร เหมาะกับการสูบน้ำในพื้นราบมากกว่า หาไก่พันธุ์ไข่ และไก่พื้นเมืองมาเลี้ยง บางช่วงพอมีทรัพย์บ้างเราก็หาซื้อ ไม้ผลพันธุ์ดีมาปลูก ซึ่งการปลูกไม้ผลต้องใช้เวลา 3-5 ปีกว่าจะได้กินผล ไม้ผลที่ดูแลง่ายเช่น น้อยหน่า,แก้วมังกร,มะม่วง เรามีไว้เป็นหลัก

ประวัติสวนเกษตรบุญเลี่ยม-มะลิ สวนเกษตรแห่งความภาคภูมิใจ (1)

     เดิมที่ดินผืนนี้เป็นป่าซาด(ต้นซาดเป็นไม้ใช้ทำบ้านได้ทุกส่วน ยกเว้นเสา) เป็นที่ดอน ส่วนหนึ่งได้เคยปลูกข้าวโพด ทำนา ต่อมาเจ้าของเดิมได้ย้ายไปอยู่จังหวัดอื่นโดยให้ญาติดูแล ปล่อยสภาพเป็นป่ารก บางส่วนไม่สามารถเดินผ่านได้ มีที่ดินบางส่วนญาติได้อาศัยทำนาตามธรรมชาติ ที่ดินมีสภาพป่ารกเป็นเวลาถึง 40 ปี เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2546 เจ้าของเดิมได้ขายที่ดินผืนนี้ให้กับเรา นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2546 คุณพ่อบุญเลี่ยมกับคุณแม่มะลิได้ช่วยกันถางป่าด้วยมือ ด้วยแรงกาย แรงใจไม่ใช้รถแทร็กเตอร์ เป็นเวลาถึง 1 ปีจนป่ากลายสภาพเป็นสวนเล่ากันว่า โดยเฉพาะคุณพ่อบุญเลี่ยมนั้นมีความภาคภูมิใจกับงานนี้มาก ถึงขนาดร้องเพลงไป ถางป่าไป ร้องเพลงเป็นปีๆ จนคุณยายโค(แม่ยายของพ่อบุญเลี่ยม)เป็นห่วงสุขภาพ คุณแม่มะลิเล่าให้ฟังว่าคุณพ่อบุญเลี่ยมนั้นอายุ 60 แต่ทำงานทรหดเหมือนอายุ 16, ส่วนคุณแม่มะลิก็สู้อย่างมุ่งมั่น ตื่นตั้งแต่ตี 5 ไปสวน กลับเข้าบ้าน 1 ทุ่มกว่าทุกวัน เพื่อนบ้านให้ฉายาคุณพ่อคุณแม่ว่า มนุษย์แบ็คโค(รถเกรดขนาดใหญ่)
     เมื่อถางส่วนใดเสร็จ คุณแม่ก็หาผักสวนครัวมาปลูก ตามสภาพความเหมาะสมมะเขือ ขิง  ข่า ตะไคร้ กระชาย พริก กล้วย แตงโม แตงไทย ต้นหอม ผักชี ผักแป้น(กุยช่าย) มะละกอ แค ข้าวโพด ฯลฯ นับแต่นั้นมาเราไม่ต้องซื้อผักอีกเลย

Monday, September 7, 2009

สวนเรารถเข้ามาจอดได้สบายๆจ้ะ

รถจอดในสวนได้ 30 คันสบายๆ มีน้ำประปา บ่อบาดาลพร้อมปั๊มไฟฟ้า ไฟฟ้า โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น แต่อย่าเข้าใจว่าหรูนะ สวนเราธรรมดาที่สุด ถ้ามากางเต๊นท์จะเวอร์คสุด

ทำไม กบ ปลา สัตว์ต่างๆ มาอยู่ที่สวนเรา?

สวนเราไม่ใช้สารเคมี ในการกำจัดศัตรูพืช เราใช้น้ำสะเดาฉีดพ่นไล่แมลง เมื่อเปรียบเทียบกับสวน ไร่ นา ของเพื่อนบ้านที่ใช้สารเคมีแล้ว ปรากฎว่าสวนเรามี กบ อพยพมาวางไข่มากกว่า,ปลาธรรมชาติมาอาศัยมากกว่า รวมถึงแมลงที่มีประโยชน์ เช่น ผึ้ง ก็มาอาศัยอยู่มากเช่นกัน สัตว์ เหล่านี้มาอยู่อย่างมีความสุข เราก็สบายเพราะไม่ต้องไปหาอาหารที่อื่น สัตว์เล็กๆมีมากมาย เช่น เขียดจะนา เขียดอีโม จิ้งหรีด แย้ แมลงอีนูน ซึ่งเป็นอาหารโปรตีนชั้นดี และ สัตว์เหล่านี้ยังมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อระบบนิเวศน์ของบ้านเราอีกด้วย

คุณยายมาเที่ยวกรุงเทพมีผักผลไม้มาฝาก

คุณยายมากรุงเทพมีของกินจากสวนของเรามาฝากเยอะเลยหลานๆดีใจกันใหญ่ ทับทิม,มะละกอ,พริก,มะกรูด,มะขาม,มะเขือ,กบย่าง

Thursday, September 3, 2009

กิจกรรมในสวนเกษตรของเรา



1.ทำนาเราทำนาประมาณ 15 ไร่เรามีที่ดินประมาณ 30 ไร่
2.บ่อปลาเรามีบ่อปลาขนาด 20 คูณ 35 เมตรมีปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน กุ้งฝอย ฯลฯ
3.เลี้ยงหมูเรามีหมู พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ลูกหมู
4.เลี้ยงวัว กระบือรวมๆ ประมาณ 10 ตัว
5.ปลูกผักสวนครัวหลายชนิด ขายบ้าง แจกบ้าง
6.ปลูกหญ้าเลี้ยงวัว(วัว)ได้กินแล้ว
7.เลี้ยงไก่พื้นเมืองประมาณ 100 ตัวได้กินแล้ว(กินไก่สุกนะ)
8.โรงสีข้าว เราก็มีนะ ขนาดย่อม สีข้าวเราและของเพื่อนบ้าน
9.ปลูกแก้วมังกร 10 หลักได้กินแล้ว
10.ปลูกมะม่วงพื้นเมือง มหาชนก เขียวเสวย สามฤดู ได้กินแล้ว
11.ปลูกน้อยหน่าตามคันนา ได้กินผลแล้ว ดีใจจังเลย...

เกษตรผสมผสานดีอย่างไร?


1.  เราทำเกษตรผสมผสานมาได้ประมาณ 7ปีสิ่งที่เราได้รับเห็นได้ชัดคือประหยัดรายจ่ายค่าอาหาร การกินอยู่คิดง่ายๆเราประหยัดวันละ 100 บาท-เดือนละ 3000 บาท-ปีละ 36,500 บาท
2.   เราทำนาได้ข้าว ปีละประมาณ 4 ตัน 1 ตันราคา 10,000 บาทรวม 40,000 บาท
     - เรามีเห็ดเกือบทุกชนิดในฤดูฝนเห็ดปลวก(เห็ดโคน) เห็ดระโงก เหดไค เห็ดเผาะ ฯลฯ
     - ขายผักสวนครัวเฉลี่ยประมาณเดือนละ 2,500 บาท

     - จำหน่ายสุกร และลูกสุกรปีละประมาณ 100,000 บาท
     - ขายมูลสุกรกระสอบละ 30 บาท,ทำปุ๋ยใส่นาข้าว,ใส่สวนครัว,ใส่ไม้ผลมูลค่าประมาณ 5,000 บาท/ปี
     - ขายต้นไม้(แล้วปลูกทดแทน)ต้นไม้ 1 ต้นราคาตั้งแต่ 1,000-10,000 บาท
     - เลี้ยงปลาในนาข้าวเมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จได้ปลาร้า 2 ตุ่มใหญ่พอกินตลอดปี
     - มีผลไม้กินตามฤดูกาล กล้วย มะม่วง มะละกอ น้อยหน่า แก้วมังกร ตะขบ
     - มีปลาในสระ สำหรับกินได้ตลอดปี
     - มีกุ้งฝอยในสระ อยากกินเมื่อไรช้อนได้ทันที ปกติกุ้ง 1 กก.สามารถหาได้ภายใน 30 นาที
     - มีหอยขม เรานำพันธ์หอยขมจากธรรมขาติมาปล่อยไว้ เดี๋ยวนี้แพร่พันธ์สามารถงมได้ทันทีตามขอบสระ การกินหอยขมนิยมกินในข้างขึ้นเพราะกินง่าย หอยขมมีลูกในข้างแรม
     - ไก่บ้าน มีอยู่ประจำ 80-100 ตัวทำอาหารได้ยามต้องการ
     - ผักพื้นบ้าน ผักติ้ว ผักหร่ำ เปราะป่า เปราะหอม ขิง ข่ากระชาย มะกรูด ใบเว่อ ตะไคร้ หอม กระเทียม ปรุงอาหารได้ไม่ต้องหาซื้อ

Wednesday, September 2, 2009

สวนเกษตรบุญเลี่ยม-มะลิ โทร 081-3073401 เกษตรทฤษฎีใหม่

สวนเกษตรบุญเลี่ยม-มะลิ ตั้งอยู่ที่่ บ้านหนองคู(หลังโรงสีป่าซาด)ต.งัวบา (เข้ามาจากสามแยกหนองแวงต้อน หรือ แยกหนองกุง)อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม โทร 081-3073401 จำหน่ายลูกสุกร,ผักกุยช่าย(ผักแป้น),ผักสวนครัว,ปลานิล,รับปลูกผักตามออเด้อร์ มีแนวคิดจากเกษตรทฤษฎีใหม่ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

รักรักรัก รักเธอจริง

รักเธอเสมอใจ  โปรดรู้ไว้ฉันรักเธอ
รักเธออยู่เสมอ  รักแต่เธอเพียงผู้เดียว
รักรักรักอย่างนี้  ผู้อื่นมีไม่แลเหลียว
รักรักรักจริงเชียว  พูดซ้ำซากเพราะรักจริง